ทดลองทำน้ำมันมะพร้าว (ครั้งที่ 2)

on Friday, May 15, 2009

15-5-09
ทดลองทำน้ำมันมะพร้าวครั้งที่ 2
ในครั้งนี้ ขี้เกียจ ก้อเลยซื้อกะทิกล่องมา ไม่รู้ว่าจะได้ผลหรือเปล่าไม่รู้

อุปกรณ์ ในครั้งนี้


กะทิ 1 กล่อง 500 ml ราคา 24 บาท


ขวดโหล 1 ใบ


เริ่มทำล่ะน่ะ




เทน้ำร้อนไม่เกิน 60 องศา c ลงในถ้วยแก้วใหญ่




เทกะทิสำเร็จรูปลงไปต่อ




ผสมให้เข้ากัน




เทใส่ภาชนะที่เตรียมไว้




สีมันเหมือนมีแป้งมันเลยอ่ะ งง จัง




ปิดฝาให้สนิท แล้ววางตั้งไว้ในห้อง
รอดูผลพรุ่งนี้ต่อไป ว่ามันจะเป็นอย่างไร ลุ้น ๆๆๆ














































































มาทดลองทำน้ำมันมะพร้าใช้เองกันเถอะ อิๆๆ ไม่รู้จะเป็นยังไง

on Tuesday, May 12, 2009

13/5/09 18.40 น.

เริ่มต้นจากไปเตรียมอุปกรณ์กันเถอะ


1. มะพร้าวขูด 1 กก ราคา 40 บาท

2. ผ้าขาว 1 ผืน ราคา 20 บาท







3.โถพลาสติก 1 อัน ราคา 30 บาท








4.ตะแกรง 1 อัน มีอยู่แล้ว อิๆๆ

5.กระติกน้ำร้อนสำหรับต้มน้ำร้อน ก้อ มีอยู่แล้ว
























6. ชาม/หม้อ สำหรับคั้นกะทิ



เริ่มการทำละนะ

1.เริ่มจากเทมะพร้าวใส่หม้อที่เตรียมไว้ ใส่น้ำอุ่นลงไป แล้วก้อคั้นๆๆๆ


2. คั้นได้ที่แล้วก้อ นำตะแกรงมาวางบนโถพลาสติก แล้วเทกะทิที่คั้นไว้ลงไป แล้วบีบๆๆ เราขี้เหนียวเทน้ำใส่แล้วคั้นใหม่ 3 รอบอิๆๆ


3. อะ เสร็จแล้วปิดฝา ทิ้งไว้ ประมาณ 1 วัน เดี๋ยวต้องมารอดูผลอีก 1 วันน่ะจ้ะ อิๆๆ
ภาพหลังจากที่ทำ

3 ชั่วโมงผ่านไป


4 ชั่วโมงผ่านไป
12 ชั่วโมงผ่านไป




23 ชั่วโมงผ่านไป รู้สึกว่าน้ำมันจะน้อยลง ตักน้ำมันออกเลยแล้วกันเนอะ ถ้ารอถึง 3 วันอาจเน่าได้ ลองดูเอ้า

น้ำมันในโถจะเป็นอย่างนี้


กรองด้วยผ้าขาว

น้ำมันที่ได้จากการกรองโปรตีนออก ยังมีโปรตีนติดมาอยู่เลย

น้ำมันที่ได้จากการกรอง นำไปเทใส่ขวดโค้ก หมักไว้ต่อ

โปรตีนกะทิที่เหลือ นำไปเคี่ยว ต่อจะได้น้ำมันมะพร้าว หอมๆ ออกมา น่าใช้จัง

อะบรรจุขวดซะหน่อย อิๆๆ น่าใช้จัง

โปรตีนไขที่เคี่ยวน้ำมันที่เหลือ ใส่เทียนไขลงไป ครึ่งแท่ง แล้วกวนๆ พอเทียนละลาย ก้อไปเทน้ำเทียนใส่ภาชนะ


พอเย็นก้อจะแข็งตัว ก้อจะได้ลิบกลอส แบบโบราณอิๆๆอืมน่าใช้ดี
เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องมาดูต่อว่าส่วนที่ใส่ขวดโค้กไว้จะเป็นอย่างไรอิๆๆ
14/5/09
18.10 น.
มาดูกันว่ามันเป็นอย่างไรบ้างอิๆๆ
อ้าว แบ่งชั้นน้ำมันแย้ว แต่จะเอาออกยังไงล่ะนี่ ไม่มีสายยางดูด
ใช้ช้อนตักน้ำมันใส่ถ้วยซะเลย เป็นไง เอ๋ มันปนกันระหว่างน้ำมัน กะโปรตีน เงๆๆ
ยุ่งยากนักนะ นำไปเคี่ยวทั้งหมดเลยทั้งน้ำ โปรตีน และน้ำมัน

เคี่ยวไปเรื่อยๆๆ เป็นไงเป็นกัน น้ำมันมะพร้าวหมักเย็น เดิ๋ยวลองทำใหม่ อีกรอบวันหลังแล้วกัน เฮ้อ
เฮ้อ ในที่สุด ก้อได้น้ำมันแย้ว หลังจากที่เคี่ยวไปประมาณ 10 นาที แล้วก้อนำไปเทใส่ถ้วยที่เตรียมไว้ (ไม่ได้ถ่ายรูปไว้)



ยังไม่มีขวดใส่ ก้อเลยเอาไปเก็บไว้ในตู้เย็น เอ้าแข็งซะนี่ แปลก ดีเฮะ ไม่เป็นไรถ้าจะใช้ค่อยเอาไดร์มาเปล่าถ้วยให้มันร้อน เดี๋ยวมันละลายเอง
เฮ้อสุดท้ายก้อได้น้ำมันมะพร้าวสกัดร้อน


















































































ประโยชน์และวิธีใช้น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์



1. ถนอมรักษาให้เส้นผมดกดำ เป็นเงางาม ช่วยขจัดรังแคและเชื้อรา รักษาอาการผมร่วงวิธีการใช้ ชโลมผมด้วยน้ำมัน นวดคลึงศีรษะ แล้วใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นโพกศีรษะไว้ 30 นาที ก่อนสระผม
2. ปกป้องผิวจากแสงแดดให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวหนัง ลดริ้วรอยฝ้า กระ จุดด่างดำบนใบหน้าวิธีการใช้ ทาน้ำมันและนวดก่อนออกไปกลางแจ้ง หรือก่อนลงว่ายน้ำ หรืออาบแดด
3. บำรุงผิวหน้า ปรับสภาพผิวให้นุ่มนวล เต่งตึง มีสุขภาพดี ลดการเกิดสิว และการสะสมของสารเคมีบนใบหน้าวิธีการใช้ ใช้สำลีชุบน้ำมันแล้วเช็ดทำความสะอาด และใช้ทา นวดผิวหน้าหลังอาบน้ำเช้าและก่อนนอน
4. ลดอาการผื่นแพ้ แสบคันตามผิวหนังและรักษาเท้าเปื่อยเนื่องจากเชื้อราและแบคทีเรียวิธีการใช้ ทาบริเวณผิวหนังที่บาดเจ็บ อักเสบและแสบคันจากการติดเชื้อ
5. ปรับสภาพผิวหนังด้าน และส้นเท้าแตกวิธีการใช้ ทาน้ำมันมะพร้าวและนวดคลึงบริเวณส้นเท้า ก่อนนอน จะทำให้ฝ่าเท้านุ่มนวล
6. กระตุ้นการทำงานของระบบประสาท รักษากระดูกกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อที่บาดเจ็บวิธีการใช้ ใช้นวดตัว เพื่อผ่อนคลาย และบำรุงผิวพรรณ

ขั้นตอนการทำ น้ำมันมะพร้าวด้วยวิธีการหมัก




ขั้นตอนการสกัดน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ด้วยวิธีการหมัก




อุปกรณ์


- ภาชนะสำหรับหมัก เช่น ไห ขวดโหลแก้ว


- ผ้าขาวบาง หรือตะแกรงลวดตาถี่


- สายยาง/ไซริงฉีดยา สำหรับดูดน้ำมันออกจากภาชนะหมัก


- กะละมัง


- เนื้อมะพร้าวสดขูด 1 กิโลกรัม


- น้ำอุ่น 1 ลิตร

วิธีทำ


1. ขูดมะพร้าวใส่กะละมัง เสร็จแล้วเติมน้ำอุ่นลงไป


2. คั้นน้ำกะทิในกะละมัง ใช้ผ้าขาวบางหรือตะแกรงกรองเอากากมะพร้าวออก


3. นำน้ำกะทิที่คั้นได้ ใส่ภาชนะสำหรับหมัก ปิดฝาทิ้งไว้ 2-3 วัน ถ้าภาชนะที่ใช้เป็นโหล แก้วจะดีมาก เพราะผู้ทำสามารถมองเห็นชั้นหรือระดับของน้ำมันอย่างชัดเจน ซึ่งจะสะดวกเวลาดูดน้ำมันออกจากภาชนะ


4. หลังจากตั้งน้ำกะทิทิ้งไว้ 2-3 วัน น้ำมันมะพร้าวจะลอยตัวอยู่ด้านบนของภาชนะ ให้ใช้สายยางดูดออกมา แล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง เสร็จแล้วจึงบรรจุขวดที่มีฝาปิด เพราะจะทำให้เก็บน้ำมันมะพร้าวได้นาน

ข้อควรระวัง


ในระหว่างดูดน้ำมันออกจากภาชนะหมัก ผู้ทำควรพยายามอย่าให้น้ำติดมาด้วย มิฉะนั้น อาจต้องนำไปอุ่นอีกครั้งเพื่อไล่น้ำหรือความชื้นออก วิธีการเพียงเท่านี้ก็จะได้น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ที่มีกลิ่นหอม สีใส คุณภาพดี

กำจัดกลิ่นปาก

on Sunday, May 10, 2009

สาเหตุของการเกิดกลิ่นปาก

การไม่ดื่มน้ำ หรือไม่รับประทานอาหาร ทำให้แบคทีเรียไม่ถูกชะล้างจึงเกิดกลิ่นปาก โรคฟัน เช่น ฟันผุ สุขลักษณะช่องปากไม่ดี มีการขังของเศษอาหารในช่องปาก กลิ่นจากอาหารที่รับประทานเข้าไป เช่น กาแฟ สุรา หอมใหญ่ กระเทียม พริก บุหรี่ หายใจทางปากเนื่องจากเป็นหวัด โรคระบบทางเดินหายใจ เช่น ไซนัสอักเสบ คออักเสบ เป็นต้น โรคบางชนิดเช่น โรคไต โรคตับ

การดูแลรักษากลิ่นปาก

ให้รับประทานอาหารครบ 3 มื้อทุกวัน ให้ดื่มน้ำมะนาวซึ่งจะเพิ่มปริมาณน้ำลาย ให้ดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว เคี้ยวหมากฝรั่งหรืออมลูกอมระหว่างมื้ออาหาร แปรงฟันหลังอาหารทุกครั้ง และให้แปรงลิ้น ขูดหินปูน 2 ครั้งต่อปี ถ้าอาการไม่ดีภายหลังจากได้ปฏิบัติแล้ว 10 วัน ให้ไปพบทันตแพทย์ทันที
ขอขอบคุณข้อมูลจาก เดลินิวส์

สูตรหมักผม 2

ส่วนประกอบ
1. น้ำมันมะกอกอย่างดี อุ่นพอร้อน 1 ถ้วย

2. ไข่แแดง 1 ฟอง
3. น้ำผึ้ง 3 ช้อนโต๋ะ
4. น้ำมันหอมระเหย กลิ่นที่ขอบ


วิธีทำ
1. ล้างผมดวยน้ำอุ่น เช็ดให้แห้ง
2. ผสมส่วนผสมเข้าด้วยกันคนให้ทั่วจนเป็นเนื้อเดียวกัน
3. นำมาหมักผมเน้นบริเวณปลายผมที่แห้ง
4. ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นบิดพอหมาดคลุมไว้ 20 นาที่แล้วล้างออกด้วยแชมพู แค่นี้คุณก็จะมีผมที่นุ่มสวยแล้วค่ะ

12 ทริคส์ทำง่ายเพื่อตาเป็นประกาย

ถ้าตาร้องทุกข์ได้ มันคงแฉแหลกว่าเรานี่เป็นพวกใช้แรงงานเกินควร ใช้ดวงตาทำงานตั้งแต่ตื่นจนถึงค่ำทุกวัน บางคนทำโอทีต่อตามผับจนเกือบสว่างก็ยังมี...ก่อนที่จะเข้าข่ายโรงงานนรก รีบๆมาเอาใจใส่ดวงตาด้วยการบำรุงรักษาต่อไปนี้กันดีกว่า

1. ล้างครีมรอบดวงตาทุกวัน
เนื้อครีมที่เกาะกันเป็นก้อนแข็งไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ถ้าหากว่าหลุดเข้าไปในดวงตาเป็นประจำก็จะเข้าไปขูดให้กระจกตาถลอกได้ สาวๆที่ต้องแต่งหน้าทุกวันจึงต้องอย่าลืมล้างครีมและมาสคาร่าที่ป้ายไว้ออกให้หมด สวยแล้วต้องรักษาความสะอาดด้วยถึงจะเพอร์เฟ็คท์
2. กินหอมใหญ่สีแดง
เทียบกันแล้ว หอมใหญ่สีแดงมีสารเกอร์เซตินซึ่งต่อต้านอนุมูลอิสระได้มากกว่าหอมสีขาวเยอะเลย และสารอาหารตัวนี้เองที่จะป้องกันไม่ให้ต้อกระจกไม่มาราวีดวงตาสวยๆของคุณ
3. เหนื่อยนักพักสายตาบ้าง
ดวงตาก็เหมือนกับอวัยวะส่วนอื่นๆ ที่รู้จักปวดเมื่อยอ่อนล้าเหมือนกัน การใช้สายตาโดยไม่พักเลยจะทำให้สมรรถภาพของสายตาแย่ลงฉะนั้นทุกๆ 30 นาที ควรให้สายตาได้พักบ้างสัก 30 วินาที อย่าโหดกับสายตามากนักเลย
4. สวมแว่นกันแดด
การสวมแว่นก็เพื่อป้องกันรังสียูวีจากแสงแดดมาทำลายดวงตา โดยเฉพาะเวลานั่งในรถหรือเวลาอยู่กลางแดดจ้า นอกจากนี้สีของแว่นก็สำคัญ แว่นสีแฟชั่นพวกสีส้ม แดง เหลือง จะทำให้ประสาทตาต้องทำงานหนักขึ้น แต่ถ้าใส่เป็นสีฟ้าหรือสีเทาจะช่วยให้กล้ามเนื้อตาได้พักมากกว่า
5. กินผักโขมอาทิตย์ละ 2 ครั้ง
ผักโขมอุดมไปด้วยสุดยอดสารอาหารบำรุงสายตา นั่นคือสารลูเทอิน ซึ่งงานวิจัยบอกว่าช่วยป้องกันต้อกระจกปละภาวะจอประสาทตาเสื่อมได้ดีมากๆ ปู่ย่าตายายบ้านใครเริ่มตาฟางแล้ว ลูกหลานอย่าลืมหามาให้ท่านทานด้วยนะ
6. ตรวจเช็คความดันเป็นปกติ
โรคความดันโลหิตไม่ทำให้สุขภาพแย่อย่างเดียว ยังทำให้สุขภาพตาเสียไปด้วย เพราะความดันที่สูงมากกว่าปกติจะทำลายหลอดเลือดในดวงตา ฉะนั้นอย่ามองข้ามการตรวจความดันเป็นอันขาด ผลร้ายมีมากว่าที่คุณคิดไว้
7. เหยาะน้ำมันกันสักนิด
น้ำมันที่ว่านี้คือน้ำมันหอมระเหยกลิ่นต่างๆ เช่นกลิ่นมะลิ เปปเปอร์มิ้นต์และวานิลลา ทั้ง 3 กลิ่นนี้จะช่วยกระตุ้นคลื่นสมองส่วนหน้า ทำให้เกิดการตื่นตัวกระปรี้กระเปร่า มีสมาธิและมองเห็นได้ชัดขึ้น วิธีใช้ก็ง่ายมาก แค่เหยาะน้ำมันกลิ่นที่คุณชอบลงไปที่ท้องแขนสัก 2-3 หยด หรือจะหยดใส่ผ้าเช็ดหน้าไว้สูดดมให้ชื่นใจก็ดูคุณหนูไม่เบา
8. กินมันเทศบ่อยๆ
เนื้อมันเทศอุดมไปด้วยวิตามินเอ ซึ่งช่วยเรื่องบำรุงสายตาโดยตรง ทำให้เห็นในที่มืดได้ดีขึ้น
9. ปรับจอคอมพิวเตอร์ลงอีกหน่อย
แสงจ้าผสมรังสียูวีจากคอมพิวเตอร์เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้สายตาแห้ง แต่วิธีการแก้ปัญหาเล่นไม่ยาก แค่ปรับหน้าจอให้ต่ำลงกว่าสายตานิดหน่อย เพื่อที่เวลาเรามอง เปลือกตาบนได้หรี่ลงเล็กน้อย เหมือนเรากำลังหยีตาเวลาเจอแดด เป็นการป้องกันไม่ให้น้ำในดวงตาระเหยออกไป
10. ไม่ใช้ผ้าเช็ดหน้าร่วมกัน
เพราะคุณไม่มีทางรู้เลยว่า ตาสวยๆ ของหวานใจจะมีเชื้ออะไรแอบทำมาหากินอยู่บ้าง ถ้าเราเอาผ้าเช็ดหน้าที่มีเชื้อโรคมาเช็ดตาก็อาจจะติเชื้อตาแดงมาจากสุดที่รักก็ได้ แม้แต่ผ้าเช็ดหน้าของคุณเองควรจะเปลี่ยนเอาไปซักบ่อยๆ เช่นกัน เพื่อไม่ให้เกิดการหมักหมมเชื้อโรค
11. หยุดใช้เกลือ
ความเค็มจัดของเกลือเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้เกิดโรคต้อกระจกเร็วขึ้น ถ้าเปลี่ยนจากใช้เกลือมาใส่น้ำปลาหรือเครื่องเทศที่มีรสเค็มแทน จะช่วยป้องกันต้อกระจกได้ หรืออย่างน้อยก็ควรเลือกอาหารที่บนฉลากเขียนว่า “เกลือโซเดียมต่ำ” หรือ “ปราศจากเกลือ”
12. ปรับแอร์ออกจากตัว
เวลานั่งรถ ควรจะปรับช่องแอร์ให้เบนออกห่างจากตัว อย่าให้แอร์เป่าใส่หน้าตรงๆ เพราะจะทำให้ตาแห้ง แบะในช่องแอร์ยังอาจมีเชื้อแบคทีเรียซ่อนอยู่ การไม่ส่องแอร์เข้าหาตัวจึงเป็นวิธีที่ปลอดภัยทั้งต่อดวงตาและต่อสุขภาพด้วย